หลอนScape : สวนสายหลอน ณ Mountain View Cemetery, Oakland : Land [e]scape The Series

ขอต้อนรับเทศกาล Halloween
ด้วยการท้าคนกล้าทั้งหลายให้ไปเปิดประสบการณ์สวนสายหลอน
คุณกล้าหรือไม่ที่จะไปเที่ยว หรือไปพักผ่อนที่สุสาน?
แค่ลองนึกภาพก็ขนหัวลุกแล้วค่ะ
ถ้าคุณกล้าพอ วันนี้ก็ขอให้ลองมาพักผ่อนในโลกหลังความตาย
ที่ Mountain View Cemetery, Oakland
ที่ User หลักของสวนนี้ไม่ใช่คนเป็นๆ! บรื๊ออออ……
ถ้าคุณไม่กลัวกันแล้วล่ะก้อ ตามผู้กล้ามาดูกันเลยค่ะ!

Mountain View Cemetery สุสานที่เปิดให้คนเป็นและคนตายมาใช้พื้นที่ร่วมกัน
(Source: www.flickr.com/photos/ml_kap/5393408740)

มาเริ่มต้นด้วย Historical Fact นิดนึง

ในเรื่องของ Rural Cemetery หรือ Garden Cemetery Movement คือการออกแบบสุสานในรูปแบบของสวนสาธารณะ Movement นี้เกิดขึ้นครั้งแรกที่ Paris เมื่อเมืองมีการขยายตัวเพื่อรองรับประชากรที่เพิ่มมากขึ้น และสุสานในเมืองก็เริ่มมีปัญหาความหนาแน่นและปัญหาเรื่องระบบ สุขาภิบาล (Sanitation) ดังนั้นจึงมีการย้ายสุสานออกไปย่านชานเมือง และเพื่อดึงคนออกไป วิธีการออกแบบสุสานก็ให้ความสำคัญกับการออกแบบวางผังLandscape และ Planting design ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากสวนอังกฤษ (English Garden) ซึ่งในอเมริกาสุสานแรกที่สร้างแบบ Rural Cemetery ในปี 1831 คือ Mount Auburn ณเมือง Cambridge (ใกล้ๆ Boston) ซึ่งเป็นสุสานที่ประสบความสำเร็จมากทั้งธุรกิจด้านสุสาน และได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและพักผ่อนแห่งใหม่เลยทีเดียว ต่อมาMovement นี้กลายเป็นรูปแบบตัวอย่างของ public parks ในอเมริกาค่ะ

1865 Plan by Frederick Law Olmsted and Current plan ได้เก็บรักษารูปแบบผังเดิมไว้
(Source:https://www.mountainviewcemetery.org/)

กลับมาที่ Mountain View Cemetery, Oakland

ที่นี่มีพื้นที่กว่า 220 acres และมีพื้นที่สำหรับฝังศพกว่า 200,000 หลุม เปิดใช้ในปี 1865 ออกแบบโดย Frederick Law Olmsted  ภูมิสถาปนิกชื่อดังที่เป็นผู้ออกแบบ Central Park ใน New York ด้วยการออกแบบของ Olmsted ที่ใส่ใจในความสัมพันธ์ระหว่างคนและธรรมชาติ ทำให้ Cemetery แห่งนี้ไม่ใช่แค่space ที่รองรับการใช้งานของคนตายเท่านั้น แต่เป็นที่ที่ “คนเป็นและคนตายมาใช้งานร่วมกันได้”

Olmsted ได้ดึงเอาความงามของธรรมชาติที่เล่นกับ slopeของพื้นที่ จากผังรูปร่างของ lot จะเป็น Organic Form เพราะออกแบบตาม Contour (เส้นแบ่งระดับความสูงต่ำของพื้นที่) ทำให้เกิดความงามในแบบ Garden Cemetery  

ทางเข้าเปิดเข้ามาเป็น Grand Arrival Boulevard หรือที่เรียกว่า “The mall” เป็นเส้นแกนหลักที่จะมีจุด Node เป็น Water Fountain ที่เป็นทั้งจุดหยุดสายตา และเป็นจุดที่ช่วยพิกัดตำแหน่งไม่ให้หลงด้วย

Welcome Water Fountain

“The mall” หรือ Grand Arrival Boulevard นี้ ปกคลุมด้วยต้นไม้ใหญ่สองข้างทาง

Highlight ของ Mountain View Cemetery ก็คือ…

วิวที่สวยงามของเมือง Oakland ประกอบกับ Open rolling hills ปกคลุมด้วยหญ้าสีเขียวที่ประดับประดาไปด้วยป้ายของหลุมฝังศพและ Sculptures

อีกหนึ่งพื้นที่ที่ไม่ควรพลาดเลยก็คือ Millionaire’s Row ก็จะเป็นย่านฝังศพของผู้ที่มีชื่อเสียง นักการเมือง และนักธุรกิจ ที่ลงทุนสร้างหลุมฝังศพให้มีรูปแบบเป็นอนุสาวรีย์ (Mausoleum) สุสานฝังศพที่แพงที่สุดสร้างเมื่อปี 1888 ในราคา 90,000 ดอลล่าร์ (เทียบกับปัจจุบันก็ประมาณ 2.4 ล้านดอลลาร์) คือของ Mr. Charles Crocker เจ้าพ่อ Railroad ตัวสถาปัตยกรรมได้แรงบันดาลใจมาจาก Greco-Roman Style

Millionaire’s Row : สุสานแบบMausoleum อลังการงานสร้างมีหลายรูปแบบทั้งPyramid, Greek, Roman (Source:www.eastbayexpress.com)

ทางด้านซ้ายคือสุสานของ Mr. Charles Crocker ซึ่งเป็นสุสานที่แพงที่สุด

หลุมฝังศพที่นี่มี 3 แบบ

แบบแรกแบบในปี 1830 จะเป็น Rural Cemetery style ที่จะประดับประดาไปด้วยอนุสาวรีย์และรูปปั้นแนว Millionaire’s Row

แบบที่สองเรียกว่า Lawn Cemetery สร้างในปี 1855 ก็จะเป็นรูปแบบหลุมฝังศพทั่วไปที่จะมีหินสลัก tombstoneและจัดเรียงกันเป็นแถว

แบบที่สามเรียกว่า Memorial Garden

Trend นี้เริ่มมาในปี 1906 ซึ่งก็จะsimplifyเป็น open lawn แล้วก็มีแผ่นหินสลักชื่อวางราบบนหลุม  

เมื่อรู้อย่างนี้แล้วก็เลือกแบบที่เราถูกใจได้เลย …..วางแผนการณ์ไกลไปไหม ฮ่า ฮ่า

Decorative elements of Rural Cemetery style

สุสานในรูปแบบของ 1.Lawn Cemetery 2. Memorial Garden

ราคา

พูดถึงเรื่องราคา Plot กันสักหน่อย ที่นี่ก็จะมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ $1,200  ราคาเฉลี่ยจะอยู่ที่ $10,000-15,000 แต่ถ้าเป็นประเภท premium site ก็จะมีราคาเริ่มตั้งแต่ $25,000+++ กันเลยทีเดียว (ลองคิดเป็นเงินไทยก็ 8แสนกว่าบาท!!)

จากการไปเยี่ยมชมพื้นที่ ทำให้เห็นว่า Olmsted ก็ให้ความสำคัญกับ Access และ Privacy อย่างที่เห็นในผัง จะมีเส้นทางหลักและทางรอง เส้นทางหลักไว้สำหรับรถ2 เลน เพื่อสะดวกแก่การเข้าถึง จากที่สังเกตคนที่มาใช้สวนจะอยู่แต่บนเส้นทางหลัก ส่วนเส้นทางรองจะอยู่ภายในพื้นที่แต่ละlot เป็นทางโรยกรวดหรือพื้นหินที่แยกออกไปให้privacy แก่ผู้ที่มาเยี่ยมหลุมศพ

เส้นทางหลักสำหรับรถ 2 เลน และเส้นทางรองภายในสุสานเพื่อความprivacy

ผู้ที่มาใช้สวนก็จะมีแบบที่มา Formal คือมาร่วมประกอบพิธี และ ผู้ที่มาแบบ Casual คือมาใช้สวนในแบบสวนสาธารณะ มาพักผ่อน มีทั้งมา วิ่ง, Hiking ,พาสุนัขมาเดิน หรือมาดูหนัง จะเห็นคนมาใช้พื้นที่อยู่ตลอด แล้วก็ที่นี่ปิดตั้งแต่ 4โมงเย็น ดังนั้นพระอาทิตย์ยังไม่ตก ไม่มีอะไรน่ากลัวค่ะ

บรรยากาศของคนมาใช้งานที่สวน และที่นี่มี movie night ด้วยค่ะ กล้ามาดูกันมั๊ย อาจจะเห็นคนกลับบ้าน เอ๊ะหรือกลับหลุม

ในความรู้สึกของอุ้ย เมื่อมาที่นี่เหมือนได้หลุดไปอยู่อีกโลกนึงเลยค่ะ เป็นความสงบเงียบ ได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ คือไม่คิดว่า cemetery จะมี space ที่สวยได้ขนาดนี้  พอได้นั่งพัก ก็ได้นึกคิดถึงสัจธรรมที่ว่าโลกแห่งความตายนั้นอยู่ใกล้ตัวเรามาก เพียงแค่หยุดหายใจ…..เราก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของโลกแห่งความตายในทันที

Uncommon Parks ยังไม่จบเพียงแค่นี้นะคะ ครั้งหน้าอุ้ยจะพาไปเที่ยวสวนลับ (ที่ไม่ลับ) อ๊าาา จะเป็นยังไง ไว้รอติดตามอ่านกันนะคะ

 

Reference