“แค่นี้ไม่รู้เหรอ?!” … (โดนอีกแล้วไง)

เป็นเรื่องน่าสงสัย ที่ทำไมคนไทยส่วนหนึ่งถึงไม่ชอบถาม ไม่ชอบตั้งคำถามในห้องเรียน ในที่สาธารณะเพราะไม่มีอะไรถาม? หรือ กลัวที่จะถาม?

จอมว่า..ผู้ต้องหารายแรกที่จอมสงสัยเลยนะเพราะคำพูดแบบนี้ ที่ได้ยินจากคนอื่นรึเปล่า? ที่ทำให้คนเราเกิดความ “กลัวโง่” “กลัวเสียความรู้สึก” “กลัวสิ่งที่จะตามมา” แทนที่จะได้ถามออกไปเช่น “แค่นี้ไม่รู้เหรอ?!”มันอาจจะเป็นคำตอบ ที่ทำให้เราไม่อยากถาม อีกต่อไป..

ครั้งหนึ่งตอนอยู่ไทย จอมเคยถามคำถามผู้ใหญ่คนหนึ่ง ด้วยคำถามปกติ ธรรมดาผู้ใหญ่คนไทยคนนั้น ตอบรับคำถามนั้นไปว่า

“แค่นี้ไม่รู้เหรอ?!”

ต่อมา จอมเดินทางมาอเมริกา มาทำงานและใช้ชีวิตที่นี่ สถาณการณ์เดียวกันกลับมา ช่วงแรกแรก เรายังไม่กล้าถาม แต่พอรวบรวมความกล้าถามไป คนฝรั่งอเมริกันที่นี่กลับตอบรับว่า

“That’s a good question.”

การตอบรับสองแบบนี้มันมีผลไหม? กับความรู้สึกคนฟัง มีสิ!! มีแน่แน่

ไม่ใช่ไม่เคยเจอมาก่อน แต่มันทำให้จอมนึกย้อนไปถึงอดีต ที่เป็นตัวอย่างที่ดีมากมาก ที่ทำให้เราอยากถามอีก เหมือนที่อเมริกานี่แหละจอมเคยถามคำถามอาจารย์เดชา ในห้องเรียนวิชา Professional Practice ตอนเรียนที่สถาปัตย์ จุฬาวันนั้นเป็นครั้งแรก ที่จอมได้ยินคำตอบรับจากคำถาม นอกจากปกติตอบคำถามไปเลยว่า

“อื้อม เป็นคำถามที่ดี”

อาจารย์เดชา กล่าว และอธิบายคำตอบมา

“เห…!!!!! มันมีคำถามที่ดีด้วยเหรอ? คำถามก็คือคำถามไม่ใช่เหรอ?” นอกจากความรู้วันนั้นที่ได้ จอมได้เรียนรุ้อะไรอีกอย่าง ที่บอกไม่ถูกถามแล้ว ทำไมเราแอบรู้สึกดีวะ อย่าหาว่าบ้ายอนะ แต่มันแอบ encourage เล็กๆให้เราถามอีก

จากนั้นจอมมาได้ยินคำนี้อีกที นับครั้งไม่ถ้วนตอนมา อเมริกา ในการทำงานเฮ้ย!! มันเป็นคำติดปาก มันเป็น cultureแล้วคำติดปากเรา ที่เป็น Culture ล่ะ? มีไหม คืออะไร จอมนึกคำแรกได้..“แค่นี้ไม่รู้เหรอ?!” มันผุดขึ้นมา

สำหรับจอม เวลาเจอช๊อท“แค่นี้ไม่รู้เหรอ?!”จอมก็ตอบ ใช่ไป แต่ก็คิดในใจนะ “ถามแปลกป่าว ถ้ารู้แล้วจะถามเหรอ” แต่ถ้าพูดต่อไปจะหาว่ากวนตีน ต่อล้อต่อเถียงอีก

จอมคิดว่าการพยายามตั้งถามก็ไม่ใช่เรื่องง่ายตั้งแต่ต้น ถ้าไม่หัดถาม หัดสงสัย หาสิ่งที่จะถามภายในเวลาที่อาจารย์อยู่ตรงหน้า มันคิดไม่ออกนะบางทีอ่ะ เอ้า.. คิดสิๆๆๆ ว่าถามอะไร แล้วคำถามมันก็เกิดขึ้นมา หรือ บางทีก็ไม่เกิด

กว่าจะคิดคำถามได้ พอกล้าถามไป.. เจอ “แค่นี้ไม่รู้เหรอ?!”แล้วใครจะอยากถาม?

ทีนี้ บ้านเรา เมืองไทยเราชอบบ่นว่า เด็กไม่ชอบถาม จริงๆจอมว่าไม่ใช่แค่ตัวคนไม่อยากถามหรอก แต่เรามีสิ่งที่มองไม่เห็นในระบบสังคม ที่เราปฏิบัติต่อกัน โดยไม่รู้ตัว โดยคนรอบตัวตั้งแต่จำความได้มากมายหลายอย่าง ให้มันเกิด “ความกลัว” ที่มันสั่งสมมาจนเป็น “วัฒนธรรม”ไป

แล้วคนที่ถามคำถาม ก็มีนะ แค่จำนวนน้อย แต่พอถามก็ถูกจัดเป็นพวก “กล้า” “เนิร์ด” “ชอบโชว์” ไปนั่นไง กลัวโดนหาว่า..

“อยากเด่นอ่ะดิ”

“กล้าไปป่าววะ”

“ไม่รู้อีกแล้วเหรอ”

“แค่นี้ไม่รู้จริงๆอ่ะ แค่นี้คิดไม่ได้เหรอ?”

และอีกมากมาย ที่ทำให้ขุ่นเคืองใจ แล้วมันไปกระทบกับใจใครหลายคนให้มัน เกิดความคิดว่า

“ไม่ถาม..ก็ไม่ตาย saveกว่าด้วยรึเปล่า”

“ถามแล้วเซ็ง ถามทำไมวะ ได้ความรู้ เออ แต่แลกกับคำด่า ไม่เอาก็ได้..”

แล้วเราก็เดินทางสายที่ปลอดภัย ไม่โดนด่า

แต่จริงๆ ก็อดนึกรำคาญไม่ได้นะ คือ จอมว่า “ผู้ใหญ่”หลายคนทำให้การ “ได้ความรู้ จากการตั้งคำถาม เป็นเรื่องยากลำบาก”ไป ก็มีนะ

โอเค ความรู้มีค่าดั่งทอง แต่ทำไมต้องทำให้มันยาก แบบถาม แล้วต้องด่านำ ด่านำแล้วร่าย….ที่มาที่ไป

กระบวนท่าแม่งต้องเยอะกว่าจะให้ความรู้ มาแจกกันเคลียร์ๆไม่ต้องด่านำ ด่าแทรกได้ไหม

คือ ทำให้มันสนุก ได้ป่ะ?!!! มันมีอะไร negative เยอะแยะ(เข้าใจนะ ว่าแต่ละคนมี style ต่างกัน แต่บางทีก็เยอะไป)

คำถามแรกที่เริ่มถาม มันอาจจะไม่เท่ห์ มันอาจจะไม่เจ๋ง อาจจะผิดในมุมมองของใครหลายๆคน

แต่ถ้าไม่ให้เราเริ่มถาม? แล้วเราจะถามได้ไง?

ที่ว่ามา..จอมเจอมาแล้วทุกช๊อท “อยากเด่น ชอบดัง จอมแม่งเนิร์ด ถามโง่ๆ” หรือแม้แต่คำติดปากที่ไม่ได้ตั้งใจจะเอามาทำให้รู้สึกไม่ดีคือ “แค่นี้ไม่รู้เหรอ?!”

จอมก็เคยผ่านมาตั้งแต่ ไม่กล้าถาม ถามเสร่อแล้วจะอาย จนวันหนึ่งก็เคยถามไป แล้วก็มีคนมาสะกิดว่า ถามแบบนั้นไปได้ไง?!!!
อ้าว…หรือ ถามมากจนบางทีคิดว่ามีคนหมั่นไส้ หรือ เป็นหัวข้อการแซวก็มี เช่น เลิกชั่วโมงเรียนมีเพื่อนมาแซว “เหย จอม ทำไมแกถามเยอะนักวะ กูไม่มีไรจะถาม ดูโง่เลย” คือ คิดว่าแซวก็โอเค แต่ไม่ใช่ทุกคนที่สนุกกับการโดนแซว

แต่สุดท้าย สำหรับจอม ไอ้พวกนั้นมันเป็น distraction คือ คิดว่าชีวิตมันจะอะไรเยอะแยะนักวะ คือ คนมันมีคำถามไง!!! คนมันสงสัยไง!! คือโง่ก็ได้วะ!!!โอเคไหม? อยากรู้ไง! อยากด่าก็ด่า ช่างแม่ง แล้ว..จอมก็เลยถามโดยไม่ยั้ง ตั้งแต่นั้นมา

เพราะกลัวไป คนพลาดก็เราคนเดียว

แต่อย่างน้อย เรารู้ว่าที่เราถาม เราทำมันไม่ผิด แค่สิ่งตอบรับจากคนรอบตัวมันทำให้เราไม่อยากถาม ทำให้เรา…

“กลัว..โดน..ด่า/แซว”

 

จอมว่าเราเลิกโทษ คนไม่ถามคำถาม แล้วมาเริ่มต้นกันใหม่

มันอาจจะไม่เปลี่ยนในปีสองปีนี้หรอก แต่เราต้องเริ่มวันนี้ เพื่อที่เราจะไม่ให้สิ่งที่เราเป็นไปหล่อหลอมให้เด็กรุ่นใหม่ๆต่อๆไปให้กลัวเราถูกเลี้ยงมาด้วย “ความกลัว” แบบหนึ่ง ถ้าเราอยากให้เค้าเปลี่ยน เราเองต้องเปลี่ยนก่อน

พูดเหมือนต้องทำตัวใจดี นี่คือ ไม่ได้อยากได้สังคมที่สปอยนะ อย่าเข้าใจผิด แต่การพูดจาดูถูกก็ไม่ได้สอนอะไร มันก็เป็นการหล่อหลอมความคิดเสียๆเช่นกันแค่อยากให้เราทำให้คนที่อยุ่รอบตัวเรากล้าพูด แลกเปลี่ยนกันอย่างไม่กลัวผิด และพร้อมจะเรียนรู้ยิ่งๆขึ้นไปอีก

การที่คนรอบตัวทำตัวบางอย่าง บางทีไม่ใช่แค่เพราะเค้าเป็นแบบนั้น เราอาจจะมีผลก็ได้นะ

แต่น้องๆรุ่นใหม่ก็ต้อง “ใจสู้” และกล้าถามด้วย คือง่ายๆ กลัวก็ไม่รู้น่ะแหละ แต่เราต้องช่วยๆกันทุกฝ่ายน่ะแหละ

ไม่ได้เข้าข้างฝรั่ง เพราะทุกคน ทุกประเทศมีข้อดี ข้อเสีย เหมาะไม่เหมาะต่างไปตามวัฒนธรรม ตัวอย่างดีก็ดี ไม่ดีก็ไม่ดี แต่จอมอยากให้เห็นข้อเสียบางอย่างของเราเอง ที่ถ้าเราแก้ มันจะทำให้ชีวิตดีขึ้น เราเลิกบ่นกับปัญหาเดิมๆ ว่าทำไมคนไม่ชอบถาม เราทุกคนนี่แหละ ที่ต้องช่วยกันเปลี่ยน สร้างสิ่งแวดล้อมที่เราต้องการ

ไม่กลัวในการทำสิ่งที่ถูกต้อง

ถ้าถามจอม จอมอยากบอกให้เด็กรุ่นใหม่ไม่กลัวในการทำสิ่งที่ถูกต้อง แค่นั้นแหละ แล้วเราจะรู้ได้ไง ว่ามันถูก หรือ ไม่ ถ้าเราไม่ฟังเค้าพูดออกมาอย่าทำให้เค้ากลัวที่จะพูดให้เค้ากล้าที่จะพูด และกล้าที่จะฟัง และ กล้าที่จะแลกเปลี่ยนความกล้าไม่ได้มาโดยธรรมชาติ เราต้องช่วยกันเปลี่ยน

*ถ้าเราอยากให้เค้าพูด เราก็ต้องทำพื้นที่ให้เค้าอยากพูด *ไม่ใช่ว่าตอนนี้ทำได้ไม่ดีนะ แต่มันเป็นสิ่งที่ต้องทำกันนานหลายปี เพราะมันฝังรากเป็นวัฒนธรรมไปแล้ว

วิธีง่ายๆ

ข้อแรก เลิกทำให้คนอื่นรู้สึกไม่ดี เวลาเค้า initiate อะไรสักอย่าง เลิกขัด แต่มองโอกาส มองข้อดี แลกเปลี่ยนความคิด ข้อดีข้อเสีย อย่างเป็นกลาง ที่เค้าเรียก discussion เชื่อ เหอะ ข้อเดียวถ้าทำได้ ความสุขและการพัฒนามันจะเพิ่มขึ้นอีกเยอะค่ะ

“แค่นี้เอง..เราจะไม่ลองเปลี่ยนกันเหรอ?”

We need change for the better.