หลายคนอาจจะเคยผ่านตากับ Ranking ของโรงเรียนภูมิสถาปัตย์ในอเมริกา และได้ยินชื่อเสียงชื่อ Louisiana State University กันมาบ้าง ไม่มากก็น้อย มหาวิทยาลัยนี้ได้อันดับดีไม่ใช่เล่น แถมขึ้นแนวหน้าในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา นอกจากนั้นราคาค่าเล่าเรียนก็ไม่ได้สูงลิ่วแบบโรงเรียนไอวี่ลีค
วันนี้ จอมเลยจะพาไปพบกับภูมิสถาปนิกสาวไทย ที่เพิ่งจบจาก Louisiana State University มาหมาดๆ วันนี้เธอจะมาเล่าถึงประสบการณ์การเรียนเมืองนอก ในมหาลัยที่ Ranking ต้นๆแต่ไม่ได้อยู่ในเมืองใหญ่ ว่าประสบการณ์จะเป็นยังไง ไปจนถึงวิธีการเลือก ค้นหาโรงเรียนของเธอ ไปพบกับเธอเลยค่ะ อุ้ย สุนันทนา นวลละออ
สวัสดีคะ ขอแนะนำตัวก่อนเลย เราชื่ออุ้ย เราจบปริญญาตรี ภูมิสถาปัตยกรรมศาสตร์ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตอนนี้เราเพิ่งจบปริญญาโท สาขาภูมิสถาปัตย์ที่ LSU, Louisiana State University with Honor of Dean’s Medal and Class of 2016 Design Excellence Award ก็เลยอยากมาแชร์ประสบการณ์ว่าทำไมถึงเลือกมาเรียนที่นี่ เค้ามีการเรียนการสอนเป็นอย่างไร และมีโอกาสอะไรเปิดให้กับนักศึกษาบ้าง
ทำไมถึงเลือกมาเรียนที่นี่?
เนื่องจากเรามาเรียนด้วยงบประมาณส่วนตัว การบริหารด้านการเงินถือว่าเป็นปัจจัยหลักในการเลือกมหาลัย ซึ่งตอนเลือกมหาวิทยาลัยเราก็ ตั้ง Criteria เอาไว้ดังนี้
- ตอบโจทย์เรื่องค่าเทอมและค่าใช้จ่าย
- โรงเรียนsupportค่าเทอมและให้ทุนการศึกษา
- Ranking – ตอนก่อนมา MLA ที่ LSU อยู่อันดับ3 (Design intelligence Ranking 2013)
- สภาพอากาศ – เน้นทางใต้เพราะอากาศไม่หนาวมาก และไม่มีหิมะ
- โรงเรียน focus ที่เรื่องน้ำและecological design
รูป : ถ่ายกับ Mike the Tiger เป็นเสือประจำโรงเรียนค่ะ ที่เห็นด้านหลังก็คือบ้านไมค์
ปริญญาโทภูมิสถาปัตย์มีอะไรเพิ่มเติมจากปริญญาตรี?
ตอนเรียนป.ตรีที่จุฬาฯเราก็ต้องเรียนพื้นฐานการออกแบบในปีแรกร่วมกับเพื่อนสถาปัตย์ภาคอื่น จากนั้นปีสองถึงปีสี่เราก็ทำสตูดิโอในโจทย์ต่างๆ ในพื้นที่ต่างๆ ที่อาจารย์ได้กำหนดมาไว้ให้ ส่วนปีห้าทำวิทยานิพนธ์ก็เปิดโอกาสให้เราได้ทำโปรเจคด้านที่สนใจและหาไซต์เอง โดยมีการกำหนดขนาดพื้นที่ของโปรเจค
ในส่วนของปริญญาโท เราคิดว่ามันมีความ challenge มากขึ้นด้วยการมองไปที่ urban scale ดูภาพรวมและปัญหาของเมืองก่อน จุดนี้จะใช้ข้อมูลจาก GIS มาใช้ในการวิเคราะห์ แล้วค่อยซูมไปใน site area ที่เราสนใจที่จะขนาดเท่าไร อยู่ตรงไหน อย่างไรก็ได้ คือ open มาก ซึ่งเนี่ยแหละที่เราคิดว่ามันท้าทายปีแรกก็จะเป็น Water System and Urban System Studio ปีที่สองก็แล้วแต่อจ. กับทำวิทยานิพนธ์ค่ะ
ขอยกตัวอย่าง urban system studio ก็จะเริ่มจากการศึกษาภาพรวมของ New Orleans โฟกัสไปที่เรื่อง Park system เริ่มแรกเราศึกษาpark scoreเปรียบเทียบกับเมืองใหญ่ๆในอเมริกา อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เมืองแต่ละเมืองได้คะแนนที่ต่างกัน วิเคราะห์ และ seminar กันในคลาส จากนั้นก็กลับมาวิเคราะห์ใน urban scale ว่า New Orleans มีปัญหาอะไร เสนอconcept แล้วเลือก site ที่สนใจทำ detail design
อจ.ที่นี่เค้าจะเปิดกว้างมาก แล้วก็ให้constructive criticismที่เราจะเอาไปใช้พัฒนาแบบต่อ เวลาพรีเซ็นท์ก็จะเปิดโอกาสให้เพื่อนๆในคลาสถามคำถามหรือออกความคิดเห็นกับแบบของเราด้วยคะ
รูป : Landscape Architecture Dean’s Medal Award
โอกาสสำหรับนักเรียนมีอะไรบ้าง?
1. Workshop @ DESIGN WORKSHOP
Studio Fall 2015 เราได้มีโอกาสไป Fieldtrip 1อาทิตย์ที่ Denver, Colorado ซึ่ง topic ของ studio นี้คือSouth Platte River Corridor Redevelopment ซึ่งจะเป็นงานกลุ่มก่อน Research วิเคราะห์ปัญหา และเสนอ concept ภาพรวมของการพัฒนาแม่น้ำนี้
และแน่นอนไฮไลท์ของทริปนี้คือได้มาเจอพี่จอมค่ะรูป : Design Workshop, Denver office
1 Week Design Charette @ Design Workshop,Denver office
วันแรก เดินดูเมือง ซึ่งเราประทับใจ Downtown Denverมาก ทำให้เราเห็นว่างานภูมิสถาปัตยกรรม และการวางผัง เป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาเมือง และเดินดูSiteตลอดเส้น South Platte River
Corridorทั้งไปและกลับ เหนื่อยมาก เดินตั้งแต่เช้าถึงบ่าย โดยรวมระยะทางก็ประมาณ 12 กิโลเมตรค่ะ
รูป : วางแผนการเดินทาง เก็บข้อมูล หลังจากเดินเสร็จก็มาพักผ่อน เล่นน้ำที่ Confluence parkค่ะ
วันที่สอง-สาม พวกเราก็แบ่งตามกลุ่ม ทำงานที่ Design Workshop ส่วน Staffคนไหนว่าง เค้าก็มาทักทาย พูดคุยตอบคำถามตามกลุ่ม แล้วก็ให้ความร่วมมือด้านข้อมูลเต็มที่ค่ะ
อจ.ก็จะปล่อยกลุ่มไหนอยากออกไปดูไซต์เพิ่มเติมก็ทำได้ ตอนบ่ายก็ไปเยี่ยมชมบริษัทต่างๆใน Denverคะ
วันที่สี่ เปลี่ยนบรรยากาศทำงานในออฟฟิศไปHiking ที่ Boulder ห่างจาก Downtown Denver ประมาณ 35นาที การเดินทางสะดวกสบาย เมืองน่าอยู่ อากาศดี มีลำธาร อยู่ใกล้กับธรรมชาติ University of Colorado Boulder ถือได้ว่าน่ามาเรียนมากเลยค่ะ
วันสุดท้ายก็จบด้วย Group Presentation แต่ละกลุ่มก็เสนอปัญหาและconcept ในการพัฒนาก็ได้รับ Constructive criticisms จากอจ.รับเชิญจาก University of Colorado และ Design workshop Staffs ซึ่งช่วยได้มากในการพัฒนาแบบต่อไปคะ
รูป : บรรยากาศ Final Presentation ที่ Design Workshop, Denver (Credit-พี่จอม)
2.Tuition Support
ที่โรงเรียนมีการช่วยเหลือเรื่องค่าเทอม ก็จะมีทุนการศึกษาให้สำหรับ International Students และก็เปิดโอกาสสำหรับ Graduate assistant ทำงานให้กับทางโรงเรียน ก็จะมีเป็นผู้ช่วยอาจารย์, ทำงานใน Lab ซึ่งจะช่วยลดค่าเทอมและได้รับค่าตอบแทนด้วย เราทำงานที่ Coastal sustainability studio ช่วยงานในส่วนของ Water Campus Exhibition ซึ่งกำลังสร้างใน Downtown Baton Rouge งานนี้ก็ช่วยนักวิจัย analyze and research ข้อมูลออกมาเป็น infographic ที่เข้าใจง่าย เพื่อให้ความรู้และปลูกจิตสำนึกให้ทุกคนเห็นปัญหาของ Louisiana Coastal Wetland Loss ซึ่งได้รับผลกระทบจากมนุษย์ ผลพวงมาจากการสร้าง Levee,ขุดคลอง, Oil and Gas industry และอื่นๆ ถ่ายทอดให้เห็นผลกระทบและแนวทางแก้ปัญหาที่จะช่วยฟื้นฟูธรรมชาติและทำให้เราอยู่อย่างยั่งยืนค่ะ (ข้อมูลเพิ่มเติม http://css.lsu.edu/)
การทำงานไปด้วยอาทิตย์ละ 20 ชม. และเรียนอีก 18 หน่วยกิตนี้ไม่ง่ายเลย ต้องมีการจัดการเวลาที่ดีมาก ส่วนที่เราทำงานต้องไปนั่งที่ Studio ให้ครบชั่วโมง เวลาflexible ได้ไม่ให้ขัดกับตารางเรียน ถ้าช่วงสอบหรือทำวิทยานิพนธ์ขอลดช่วงเวลาได้ แต่ต้องมาชดใช้ภายหลัง ก่อนจบเราก็ต้องทำงาน 30 ชม./อาทิตย์และต้องทำงานส่งFinal ด้วย ช่วงนั้นเหนื่อยมาก ต้องใช้วีธีการบริหารเวลาให้ดีก็สามารถช่วยได้ค่ะ
เป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากที่ทางรัฐตัดงบประมาณของมหาลัย ทำให้ต้องลดตำแหน่งนักเรียนที่จะมาช่วยงาน ซึ่งปีที่ถัดจากเราก็จะสมัครกันยากขึ้น ต้องรอดูสักปี สองปี ว่าทางโรงเรียนจะแก้สถานการณ์ยังไง ข้อดี คือค่าเรียนยังไม่แพงมาก แต่ว่าถ้าสนใจอยากทำงานที่โรงเรียนที่นี่จะยากกว่าแต่ก่อน
รูป : ทำงานจนวันสุดท้ายวันรับปริญญา
3.Study Abroad, Field Trip and Networking Day
มีสตูดิโอที่ยุโรปช่วงซัมเมอร์ มี spring fieldtrip ที่เราไปก็มีไป Brazil ได้ไปเยี่ยมชมโปรเจค และบ้านพักส่วนตัวของ Burle Marxด้วย (ไว้จะมาเล่าให้ฟังนะคะ)แล้วก็มีวันที่นักเรียนได้พบกับตัวแทนบริษัทต่างๆ เพื่อหางานและหาที่ฝึกงานคะ อีกทั้งเป็นการฝึกประสบการณ์สัมภาษณ์งานด้วย
4.Internship
จากงาน Net Working Day เราก็ได้ฝึกงานที่ SWA GROUP ถือได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีมากเลยคะ เราฝึกงานที่ Houston, Texas ออฟฟิศนี้มีประมาณ 35 คนคะ ชอบความ diversity ของที่นี่มาก พนักงานก็มาจากมหาลัยที่ต่างกัน มีหลากหลายชนชาติด้วย โปรเจคหลากหลายมากทั้งประเภทโครงการและสถานที่ นอกจากนี้ที่นี่มีการจัดเก็บงานที่เป็นระเบียบมาก มี CAD standard ที่ต้องเรียนรู้ ช่วงเข้าไปมีโปรแกรมสอน มีข้อสอบให้ตอบคำถามด้วย (ต้องตั้งใจฟังมากกลัวไม่ผ่าน 555) พวก Photoshop entourage ทั้งหลายมีหนังสือออกมาเป็น collection เวลาจะหาต้นไม้ประเภทไหนก็เปิดหาจากหนังสือได้ แล้วจะมีlocation ของไฟล์คะ ทุกวันจันทร์มีประชุมร่วมกัน อัพเดท พรีเซ็นท์ แชร์ไอเดีย ทุกวันศุกร์ก็มี Happy Hourหลังเลิกงานคะ
เวลาทำงานก็ทำงานหนัก จริงจัง แล้วก็มีกิจกรรมร่วมกันตลอดคะ มีงานประกวด Sand Castle มีทีมวอลเล่ย์บอลที่จะมีแข่งทุกอาทิตย์ช่วงซัมเมอร์ อยู่ที่นี่ไม่เครียด บางวันก็มีเล่นเกมส์ร่วมกันในที่ทำงานด้วยคะ ถือว่าที่นี่ให้ความสำคัญกับพนักงานมาก
5.Final Semester
เทอมสุดท้ายสามารถเลือกได้ว่าจะทำ Thesis หรือไม่ ถ้าเลือกทำ Thesis ก็เลือกได้จะทำ Written Thesis หรือ Design Thesis หัวข้อจะทำอะไรก็ได้ ที่ไหนในโลกก็ได้ ขนาดเท่าไหร่ก็ได้ แต่Proposal ต้องได้รับการอนุมัติจากอาจารย์ในคณะ ซึ่งตรงนี้เราชอบมากที่ทางโรงเรียนเปิดโอกาสให้กับไอเดียของนักเรียน สำหรับเรา เราเลือกทำ Thesis ที่เชียงใหม่เกี่ยวกับการพัฒนาคลองแม่ข่า ซึ่งตัวคลองมีความเสื่อมโทรมเมื่อไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ Thesis นี้สนุกมาก และ Challenge มากด้วย ส่วน advisor มีอจ.ที่คณะสองคน อจ.ที่คณะวิศวกรรมศาตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และพี่จอมเป็นหนึ่งใน thesis committee ด้วยคะ คราวหน้าเราจะมาเล่าเรื่องThesisให้ฟังนะคะ
ข้อดี – ข้อเสีย ของการมาเรียนที่เมืองนี้มีอะไรบ้าง?
ข้อดี
- ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันถูกมากเมื่อเทียบกับรัฐอื่นๆ ตอนเราอยู่ค่าเช่าห้องพักในมหาลัย
2 Bedrooms แชร์ living เราจ่าย $330/เดือน รวมน้ำ ไฟ เน็ต (ถือว่าคุ้มมาก) - โรงเรียนมี Night Transit วิ่งรับส่งใน campus ถึงตีสาม เวลาทำงานดึกๆก็กลับที่พักปลอดภัย
สภาพอากาศทางใต้คล้ายเมืองไทย ร้อน ชื้น หน้าหนาวไม่หนาวมาก - ช่วงเดือนกุมภาพันธ์จะมี Mardi Gras Festival ที่จะมี Parade ของ Krewes ต่างๆ ผู้คนก็สนุกกับการดื่ม เต้น และเก็บสร้อยที่เค้าโยนลงมาจากพาเหรดกันสนุกสนาน แต่ละ Krewes ก็จะมีคิงกับควีน คนที่จะเป็นคิงหรือควีนได้นั้นต้องจ่ายเงิน สำหรับราคาก็สามารถซื้อรถใหม่คันนึงที่นี่ได้เลย
รูป : ภาพบรรยากาศงาน Mardigras และ Mardigras Ball ถ่ายร่วมกับ Host Family
ข้อเสีย
- การเดินทางค่อนข้างลำบากมีความเป็น urban sprawl สูงมาก แต่ละที่จะอยู่อย่างกระจายตัวห่างกัน 10-15 นาทีด้วยรถ จะรอรถบัสก็มาไม่ตรงเวลา แถมเส้นทางไม่ครอบคลุม จะขี่จักรยานก็ไม่ปลอดภัยเพราะถ้าออกนอกcampus จะไม่มีทางจักรยานหรือแม้แต่ทางเท้า จะนั่งอูเบอร์ก็แพงและไม่มีอูเบอร์พูล แต่ถ้ามีรถก็จะสะดวกสบายมากคะ
- มีสนามบินในเมือง แต่เป็นสนามบินเล็ก ค่าตั๋วเครื่องบินจะแพง
- ร้านอาหารไม่ค่อยหลากหลาย มีให้เลือกไม่มาก ส่วนมากเป็น Chain Restaurants ต้องเดินทางไป New Orleans ประมาณ 1.30 ชั่วโมงถึงจะมีตัวเลือกที่เยอะขึ้นคะ
นี่ก็เป็นประสบการณ์ส่วนหนึ่งที่อุ้ยได้รับจากการเลือกมาเรียนที่นี่คะ หลังจากอยู่มาสองปีก็มีความรู้สึกว่า อยู่เมืองเล็กมันก็สงบดีนะ ไม่ต้องเจอคนเยอะ ไม่เครียด ได้โฟกัสกับเรื่องเรียนและทำงานเต็มที่ ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตอีกรูปแบบคะ หวังว่าเนื้อหานี้จะมีประโยชน์สำหรับทุกๆคนที่สนใจจะมาเรียนต่อที่อเมริกานะคะ จะได้เลือกโรงเรียนและเมืองที่ถูกใจและถูกกับงบประมาณที่มีค่ะ
อุ้ย สุนันทนา นวลละออ