Digital tools |โปรแกรมในการทำงาน(+เรียน) สถาปัตย์ จาก 2-3D

ตอนก่อนหน้านี้ เราได้พูดถึงอุปกรณ์ (Tools) ที่ใช่บนโต๊ะทำงานกันไปแล้ว แน่นอนเรามี Computer เป็นส่วนหนึ่งของอุปกรณ์ ในบทความนี้จะมาว่ากันด้วยเรื่องของ Digital Tools หรือ Program ที่ใช้ในงานสถาปัตยกรรม ที่ช่วยในการผลิต และสร้างสรรค์งาน

การผลิตงานทางสถาปัตยกรรม มี Workflow ของการใช้งาน Utility tools หรือ เรียกง่ายๆว่า Utility Flow จาก 2มิติ สู่การขึ้น 3มิติ ไปจนการทำเอกสาร เตรียมรวบรวมข้อมูล เป็นรูปแบบตามผังนี้

Digital tools โปรแกรมในการทำงาน เรียน สถาปัตย์

2 มิติ | วาดเส้น เรนเดอร์ตีฟ

1.1. Drawing Tools

หน้าที่เขียนแบบ2มิติ ไปจนเตรียมเส้นเพื่อขึ้นโมเดล 3มิติ โดยโปรแกรมเดียวกันนี้ สามารถเอาไปขึ้นเป็น 3มิติเลยก็ได้ บางคนก็ใช้ขึ้น3มิติในนี้เลย แต่บางคนก็เอาไปเข้าโปรแกรม 3D อื่นๆต่อ โปรแกรมหลักที่นิยมใช้

Autodesk AutoCAD

เป็นโปรแกรมเขียนแบบ (Drafting) ช่วยเราเขียนเส้น ตั้งแต่ขึ้น2 มิติ และยังสามารถเขียนไปถึง 3D ได้ด้วย เหมาะกับนักออกแบบ, สถาปนิก, ภูมิสถาปนิก, และ วิศวกร ที่ต้องการเขียนแบบ CAD เป็นโปรแกรมที่มีประสิทธิภาพสูง และช่วยทุ่นแรงในการเขียน และช่วยในการจัดการเรื่อง Construction Documentation ได้ดีมาก

ใครเริ่มฝึก แล้วอยากได้ คีย์ลัด AutoCAD ไปโหลดได้ที่นี่เลย 50 คีย์ลัด ที่ควรจำใน AutoCAD

AutoCADจัดเป็นโปรแกรมพื้นฐาน ที่ต้องเริ่มเรียนแต่แรก
โปรแกรมอื่นๆ ที่ใช้แทนในหลายบริษัทที่ไม่ใช่ AutoCAD ก็มีเช่น

  • Archicad
  • Microstation

Autodesk Civil 3D

CAD เหมาะกับ สถาปนิก ภูมิสถาปนิก และนักออกแบบ แต่ถ้าเป็น ภูมิสถาปนิก จะขอแนะนำ AutoCAD Civil 3D มากกว่าเลย เพราะทำทุกอย่างที่ CAD ทำได้ แต่ทำได้มากกว่านั้นเยอะมาก ซึ่งมีประโยชน์ต่องานแลนด์ที่สุด ซึ่งข้อดีคือ Civil3D ก็ทำงานเป็นระบบ BIM ด้วย

 

1.2. Graphic, Diagramming สร้างกราฟฟิค ชาร์ท ไดอะแกรม

หน้าที่

สร้างภาพกราฟฟิค Diagram, Flow Chart, Site analysis ที่เป็น Vector-based tools

โปรแกรมที่ควรใช้

Adobe Illustrator

Illustrator เป็น vector-based program ที่เหมาะมากกับการสร้าง เส้น form 2 มิติ ประกอบกับตัวอักษร
ในสายออกแบบกราฟฟิค AI (Adobe Illustrator) จะเอามาใช้เยอะมากเช่นกันในการสร้างภาพกราฟฟิค Logo, Brochure และอื่นๆอีกมากมายในสายสถาปัตยกรรมก็ เช่นกัน AI มีบทบาทที่สำคัญมากในการสร้างแผนภาพ หรือที่เรียกกันว่า Diagram เพื่อแสดงแนวคิด การวิเคราะห์พื้นที่ การทำแผนภาพ เรียกได้ว่า เป็นโปรแกรมที่ขาดไม่ได้ ที่จะสร้างกราฟฟิคที่เจ๋ง และสามารถปรับแก้ ย่อขยาย และอีกมากมาย

หลายคนพอใช้ Photoshop เป็นก็จะใช้ทำทุกอย่างรวมทั้งไดอะแกรม แต่ในความจริงแล้ว AIนั้นสร้างมาเพื่อช่วยเราทำ diagram โดยเฉพาะ

ยิ่ง AI เป็นvector-based program คือ จำข้อมูลเป็น (x,y) คือ จุดข้อมูล ที่เชื่อมหากัน ไม่ใช่ข้อมูลแบบ pixelเต็มทั้งภาพแบบ PSD ทำให้ใน AI การย่อขยาย object เป็นแบบ non-destructive change คือ ไม่ทำให้ภาพแตก

Digital tools โปรแกรมในการทำงาน เรียน สถาปัตย์ตัวอย่างการทำไดอะแกรมใน AI

ตัวอย่างงานที่ออกมาจาก AI

 

1.3. Retouch, Image Processing แต่งภาพ

หน้าที่แต่งภาพทัศนียภาพ ปรับสี ตัดภาพ ตัดคน รถ ต้นไม้ ระบายสี ลงสี โปรแกรมนี้จะเป็น Raster-based tools

โปรแกรมที่ควรใช้

Adobe Photoshop

PSD เป็นโปรแกรมที่ใครใครก็ต้องใช้เป็น เพราะไม่ว่าจะ Cropภาพ Trimคน แต่งภาพ ลงสี ไปจน ทำ Collage แต่งภาพ Perspective ให้สวย
สถาปนิกในยุคนี้ ใช้โปรแกรมนี้แหละในการ “ตบภาพ” และ “ทำตีฟ” ให้ออกมาสวย ไม่ใช่เพียงแค่เอาออกมาจากโปรแกรม 3D แล้วเสร็จจบแล้ว แต่ว่า เอามาแต่งต่อใน PSD ให้สวยงามอีกด้วย

PSD เป็น Raster-based program ที่เวลาจำข้อมูลจะเป็น pixel เป็นหลัก แต่ก็มี Vector tools ให้ใช้เบื้องต้นเช่นกัน แต่ไม่ได้สะดวกและดีเท่ากับใน AI จึงควรใช้แต่พอเหมาะสม ใช้สำหรับการลาก สร้างพื้นที่เพื่อลงสี เป็นต้น

เวลาทำ Perspectives, Section หาคน รถ ต้นไม้ ก็สามารถไปโหลดฟรี ได้ เช่นที่นี่ ที่รวบรวมไว้ 10 สุดยอดแหล่ง รวม คน ต้นไม้ (และ Texture) Free!! เพื่อแต่ง visualization งานสถาปัตยกรรมหรือ อยากจะใช้ photoshop ตัดเองก็ได้

นี่คือตัวอย่างของภาพที่ออกมาจาก Sketchup แล้วมาแต่งต่อใน PSDงานของ คุณ อริญชย์ วิไลแก้ว ผู้ชนะจากการประกวด Tive’เทพ 2016

ใครอยากได้สรุปคีย์ลัด Photoshop ไปโหลดได้ที่นี่ คีย์ลัด Photoshop ใช้บ่อยที่ต้องรู้ ! ให้ทำงานเสร็จเร็ว ทันใจ

3 มิติ | สร้างโมเดล

2.1. Modeling สร้างโมเดล หรือ หุ่นจำลอง

หน้าที่

สร้างโมเดล หรือ หุ่นจำลองแบบ 3 มิติ ทั้งเพื่อการศึกษาแนวทางการออกแบบ ไปจนถึงการจัดแสดง Final presentation เพื่อแสดงแนวคิดทางการออกแบบ และ ภาพจำลองแบบจริงก่อนที่จะนำไปสร้าง เพื่อจุดประสงค์ต่างๆ รวมทั้งการตลาด

โปรแกรมที่นิยมใช้

SketchUp

จุดเด่นของโปรแกรม

SketchUp เป็นโปรแกรมที่เรียนรู้ในจุดเริ่มต้นง่าย และใช้งานง่ายต่อความเข้าใจ ด้วยระบบInterfaceที่ไม่ซับซ้อน เหมาะกับการสร้างโมเดลที่ไม่ซับซ้อนมากเกินไป
Digital tools โปรแกรมในการทำงาน เรียน สถาปัตย์นิยมมากในการสร้างMassเมือง สร้างสถาปัตยกรรม แต่ในอเมริกาปัจจุบันการใช้Sketchupเริ่มลดลง แล้วโดนแทนที่ด้วย Revit Digital tools โปรแกรมในการทำงาน เรียน สถาปัตย์นอกจากนั้น บางทีก็เอามาทำเป็น 3D Diagram ได้ด้วย

แต่หากต้องการสร้างโมเดลด้วยวิธีที่สะดวก และคำสั่งพิเศษให้สร้าง form แปลกๆขึ้นมา ก็สามารถไปหา Extension (เหมือน Plug-in)ที่ช่วยให้ทำงานได้สะดวกมากขึ้น

หากต้องการสร้างเป็น Mass ที่ไม่ละเอียดมาก หรือไฟล์ไม่ใหญ่จนเกินไป จะยังสามารถทำงานใน SketchUp ได้ แต่หากเริ่มมีข้อมูลที่ซับซ้อน เช่น เส้นโค้ง Topography(contours) ที่นำเข้ามาจาก AutoCAD หรือ โปรแกรมอื่นๆ จะเร่ิมทำงานช้าลง และไม่สามารถจัดการไฟล์หนักๆได้ ในขณะที่ไฟล์แบบเดียวกันไปใช้ใน 3Ds MAX จะลื่นไหลอย่างสบาย

เวลาจะเรนเดอร์ หรือแสดงภาพตอนสุดท้ายแบบจัดแสดง ใส่วัสดุสามารถทำได้โดยการไปหา V-Ray for sketchup มาเพื่อความเนีียนสวย เพราะแค่exportปกติจากตัว SketchUp เองจะไม่สวย แบน หรืออีกวิธีที่นิยมก็คือ สร้างโมเดลในนี้ แล้วเอาไปใส่วัสดุ กับ คน รถ ต้นไม้ ใน Lumion

มีทั้งข้อดี และ ข้อเสีย แต่เนื่องจากเป็นโปรแกรมที่ง่ายที่สุด (Intuitive) ทำให้มีการใช้งานอย่างแพร่หลาย

 

Autodesk AutoCAD

จุดเด่นของโปรแกรม

จากเขียนแบบ ทำชุดแบบก่อสร้างแบบ 2D ก็สามารถสร้างโมเดล 3D ได้เช่นกัน (ย้อนกลับไปดูข้างต้น)

Autodesk Revit

จุดเด่นของโปรแกรม

Revit เป็นโปรแกรมที่สร้างมาเพื่อสถาปนิกโดยเฉพาะ ลักษณะเด่นคือ Revit จะทำงานจากการ “สร้างModel” คือ เริ่มมาก็เป็น 3D แล้ว แต่ก็สามารถดูข้อมูลแบบ 2D ได้ โดยใช้ระบบแบบ BIM (Building Information Modelling) ซึ่งแน่นอนจะมีความแตกต่างจาก AutoCAD ที่ระบบจะเป็นการแยก Drawing ออกไปเป็น Set
Revit จะใช้ระบบที่ข้อมูลเป็นชุดเดียวกัน จากการสร้างอาคารมาเชื่อมต่อกัน ออกมาเป็นโมเดล 3 มิติเลย ซึ่งจะเอาไปทำเป็นแบบก่อสร้างก็เอาจากโมเดลนี้เนี่ยแหละ ว่ากันง่าย Revit จะเหมาะกับสถาปนิก และผู้ที่ก่อสร้างอาคารมาก

ในขณะที่ถ้าเป็นสายออกแบบวงกว้าง การใช้ AutoCAD จะครอบคลุมความต้องการมากกว่าซึ่งจะเป็นไปในรูปแบบ Generic feature set แต่ Revit มี Feature ที่พิเศษกว่า ที่เหมาะกับสถาปนิกคือ Structure-specific features
แน่นอน..​Revit มีหลายสิ่งที่ AutoCAD ไม่มี และเหมาะกับการสร้างอาคารมากกว่า ระบบการประมวลผล แสดงผลก็ต่างกัน

นี่คือตัวอย่างของ Revit ว่ามันใช้ต่างกับ AutoCAD ยังไง

หากใครสนใจว่า BIM คืออะไร? ดูที่นี่ได้ค่ะ

 

Autodesk 3DsMax

จุดเด่นของโปรแกรม3Ds MAX จริงๆคือตัวพ่อ ตัวเทพ ทำได้ทุกอย่าง คือมันทรงพลังจริงๆ เพราะไม่ใช่แค่วงการสถาปัตยกรรม แต่ว่าเค้าเอาไปใช้สร้างหนัง Hollywood กันเลยทีเดียว แต่ก็จัดว่าเป็นโปรแกรมที่จะดูแล้วใช้ยากที่สุดในบรรดาทุกโปรแกรมที่ว่ามาทั้งหมด แต่ว่าข้อที่ดีมากคือ MAX สามารถรองรับไฟล์โหดๆ ข้อมูลหนักๆ ได้ดี โดยไม่พัง ไม่แครช อย่างบางไฟล์ทำต่อใน Sketchup ไม่ไหว เพราะโปรแกรมไม่สามารถจัดการได้อย่าง รวดเร็วและสเถียร แต่เอาเข้ามาใน MAX เค้าทำได้ทุกอย่าง
หลายๆสิ่งสร้างในโปรแกรมแบบ Sketchup ได้แต่พอเริ่มซับซ้อน หรือขนาดใหญ่ขึ้น มีความละเอียดกว่า โปรแกรมที่เหมาะสมกว่าในการรับมือโมเดลใหญ่ๆ จะเป็น MAX

ถ้าอยากสร้างงานออกแบบที่ไม่มีข้อจำกัดทางความคิด ที่ออกมาคุณภาพดีที่สุด เราก็ต้องใช้โปรแกรมที่มีความสามารถพอที่จะดึงเอาสิ่งนั้นออกมา แสดงสิ่งเหล่านั้นได้

2 โปรแกรมหลักที่ ใช้แล้วรองรับความมัน ความแรงของสถาปัตยกรรมได้ดีจริงๆ คือ นี่แหละ 3DsMAX, Rhinoceros (อันต่อไป)

Rhinoceros

จุดเด่นของโปรแกรม

  • ความเจ๋งของ Rhino คือเป็นโปรแกรมที่เทพที่สุดในเรื่องการสร้าง NURBS (Non-uniform rational Basis spline) ที่เป็นฟอร์มโค้งเว้า อิสระ ที่ ณ วันนี้Rhino ก็ยังนำในเรื่องนี้อยู่
  • มีคำสั่งที่ช่วยในการทำงานสะดวกเยอะมาก เช่น ตัด Section อาคาร รัวๆ แยกออกมาเป็นส่วนๆ
  • ส่งไป Digital Fabrication , 3D Printing ต่อสะดวกมาก
  • คนนิยมใช้ Grasshopper ต่อ ที่เหมือน Visual Coding เพื่อสร้างสถาปัตยกรรม ที่มาจากการใส่ค่า Setting , algorithm ที่วางไว้ ทำให้เล่นเรื่องของ Digital Architecture ได้อย่างสนุกสนาน จะกลับมาแก้ใหม่ก็สะดวก เพราะสร้าง algorithm ไว้แล้วว่าจะเป็นแบบนี้
  • มี Development platform ให้เขียนคำสั่งเองก็ได้ หากมีพื้นฐานการเขียนโปรแกรม Rhinoเป็นโปรแกรมที่เขียน Scripts ง่าย ช่วยให้คนที่มีพื้นฐานการเขียนโปรแกรมที่หลากหลาย สร้างโค้ดของตัวเอง เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำงานของโปรแกรมให้ดี เหมาะกับงานเรายิ่งขึ้น
  • ใช้งานง่าย ไม่ดูน่ากลัวเหมือน 3Ds MAX
  • อื่นๆ : ถ้าทำงาน Landscape ก็ต้องหา Plug-in มาเพิ่มเพื่อให้ทำ Topography ได้

 

2.2. เรนเดอร์

Lumion

จุดเด่นของโปรแกรม

  • ไม่สามารถทำModel เองได้ แต่มีไว้ให้เอาโมเดลไฟล์จากที่อื่น มาอ่าน และมารวมกันใน Lumion ทำให้ไม่จะเป็นต้องมีไฟล์เดียว
  • เอาไว้ประมวลผล แสดงภาพ หรือที่เราเรียกกันว่า Render
  • Render แสงสวย เหมือนจริง
  • มี Library ให้ใส่คน รถ ต้นไม้ วัสดุต่างๆ แต่ข้อเสียคือ คนดูหลอนมาก

V-Ray

เป็นอีก Render Engine ที่สามารถใช้ประกอบกับโปรแกรม 3D ต่างๆในรูปแบบของ Plug-in ทั้งใช้ใน SketchUp, Rhinoceros, 3Ds MAX ช่วยในการแสดงวัสดุออกมาสวยงาม เนียน สมจริง

หลายๆคนเลือกใช้ Mental-Ray เป็นทางเลือกแทน V-Ray

ตัวอย่างการใช้ V-Ray ใน 3Ds MAX

 

3. จัดหน้า แสดงงาน รวมเล่ม Documentation

Adobe Indesign

Digital tools โปรแกรมในการทำงาน เรียน สถาปัตย์จุดเด่นของโปรแกรม

จัดหน้า จัด Layout รวมกราฟฟิค เอาตัวอักษรมาประกอบกับภาพ โดยเป็นโปรแกรมที่ Non-destructive change สำหรับกราฟฟิค คือ จะย่อ Crop ขยายก็ไม่กระทบต่อตัวไฟล์จริง และยังสามารถ Update ภาพได้โดยอัตโนมัติ เวลาที่รูปที่นำมาใส่ ได้รับการSaveใหม่

โปรแกรมนี้สามารถจัดการ รูปเยอะๆ Textรัวๆ ได้อย่างดี มากกว่าการใช้ Adobe illustrator มารวมรูป เพราะถ้าใช้ Illus พอรูปเยอะ ไฟล์จะใหญ่ และเริ่มไม่สามารถ Export ได้ หากมีความซับซ้อนมากไป และ Illus ไม่สามารถทำหลายหน้า ทำรูปเล่ม และสร้าง Master Page แบบ InDesign ได้ แปลว่า สิ่งที่ Illustrator ทำได้ดี ก็ควรจะทำให้ Illus แล้ว ใช้ InDesign ในการรวมแสดงงาน และ ตัวอักษร

หลายคนพยายามจะใช้ Photoshop , Illustrator มาแทนการเริ่มต้นเรียน Indesign แต่จริงๆ ทำยังไง ก็ทำได้ไม่ดีเท่า และมีแต่”สร้างงาน”ให้เรา หากต้องการจัดรูปเล่ม และต้องเลือกหนึ่งใน 3 โปรแกรมนี้ ไม่มีอะไรที่เหมาะสมไปกว่า Indesign

Digital tools โปรแกรมในการทำงาน เรียน สถาปัตย์

โปรแกรมอื่นๆที่ใกล้เคียงทำหน้าที่เดียวกัน คือ Corel Draw แต่ในยุคปัจจุบันโปรแกรมที่ได้รับการใช้งานอย่างทั่วถึงในโรงพิมพ์ชั้นนำ จะเป็น InDesign

ส่วน Powerpoint เป็นแค่ Slideshow ก็จะทำหน้าที่ได้ดีในการแสดงงานแบบ slideshow แต่มีข้อจำกัดมากในการสร้างเอกสาร จัด Layout และไม่ใช่โปรแกรมในการทำรูปเล่ม

ดังนั้นอย่าเอามารวมกัน สำหรับ มือใหม่ หรือคนที่ใช้โปรแกรมอย่าง InDesign ไม่เป็น ส่วนมาก ชอบเริ่มโดยการใช้ Powerpoint จัดหน้าซึ่งจริงๆ ไม่ใช่ทางออกที่ทำให้ตัวเองพัฒนาได้ในระยะยาว แต่ช่วยแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้เป็นครั้งคราว ควรสร้างโอกาสให้ตัวเองในการใช้ InDesign เพราะจะทำให้การจัดLayout มีความสะดวก และมีประสิทธิภาพในระยะยาวมากกว่า หากใช้ไม่เป็นควรฝึกตั้งแต่วันนี้ค่ะ

 

4. อื่นๆ

Microsoft Words/ Excel

การใช้งานโปรแกรมไม่น่าจะต้องบอกกันมากว่า Words/Excel ใช้ทำเรื่องเอกสารกันเป็นโปรแกรมหลักขนาดไหน นอกจากทำการ พิมพ์ เขียนรายงาน คำนวณแล้วExcel ยังมีประโยชน์ในการช่วยทำตารางวางแผนงาน ตารางวัสดุ และอื่นๆอีกมากมาย

Microsoft Powerpoint

การใช้งานโปรแกรมPowerpoint ทำหน้าที่ได้ดีในการแสดงงานแบบ slideshow

GIS

เช่น ArcGIS

การใช้งานโปรแกรม

อันนี้จะไปทางสาย Urban, Landscape Architecture มากกว่าสายสถาปัตยกรรมหลัก หรือ ภายใน เนื่องจากต้องมีการใช้ข้อมูลพื้นที่ภายนอก ในขนาดใหญ่ และซับซ้อน เช่น Topography, Soil type, Vegetation, Building footprint, Road, Infrastructure และ อื่นๆอีกมากมาย

 

นี่เป็นโปรแกรมเบื้องต้นที่จะใช้ในการเรียนสถาปัตย์ทั้งสายหลัก Interior และ สายภูมิสถาปัตย์ ลองไปหามาเล่น ฝึกฝนกันดูแต่ละโปรแกรมมันทำหน้าที่คนละอย่าง เก่งคนละเรื่อง เราต้องเลือกใช้โปรแกรมให้เหมาะกับงานที่จะทำ ไม่มีโปรแกรมไหนทำได้ทุกอย่าง ถ้ามันทำได้ทุกอย่าง จริงๆคนทำอาจจะเป็นเราที่ไปช่วยทำงานแทนโปรแกรม ไม่ใช่เอาโปรแกรมมาช่วยเราทำงาน

ค่อยๆเริ่มทีละโปรแกรม สองโปรแกรมแล้วค่อยๆอัพเลเวลไปเรื่อยๆ มันอยู่ที่การใช้ให้บ่อย แล้วเราจะถนัดขึ้น

รอบต่อต่อไปจะเอา Crash course และเทคนิคการใช้งานโปรแกรมต่างๆ มาแนะนำค่ะ