ถ้าพูดถึงมหาวิทยาลัยที่สอนสถาปัตย์ ที่เป็นแนวหน้าทั้งในประเทศอเมริกา และระดับโลก ใครใครก็คงจะรู้ว่านั่นคือ Harvard University Graduate School of Design
วันนี้ เดียร์ จารวี บุญศิริ สถาปนิกหญิงไทยรุ่นใหม่ ที่เพิ่งเรียนจบจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้ เดียร์จะมาแบ่งปันประสบการณ์ และเล่าถึงการเตรียมตัว ว่าการเรียนในโรงเรียนที่สุดยอดโรงเรียนนี้..เป็นอย่างไร
เคยสงสัยไหม? ว่าชีวิตในโรงเรียนนี้..เป็นยังไง? แล้วคนที่เค้าเรียนหน้าตาเป็นยังไง? แล้วเค้าต้องเตรียมตัวยังไงก่อนจะมา?
ไม่ต้องสงสัยอีกต่อไป! เราไปคุยกับ เดียร์ กันเลยค่ะ
Jom : สวัสดีค่ะ แนะนำตัวหน่อยค่ะ ตอนนี้ทำอะไรอยู่คะ?
Deer : สวัสดีค่ะ ชื่อ จารวี บุญศิริ ชื่อเล่นชื่อเดียร์”ค่ะ จบปริญญาตรี Bachelor of Science in Architecture จาก International Program in Design and Architecture (INDA) เกียรตินิยมอันดับ 1 เหรียญทอง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยปี 2011 และจบปริญญาโท Master of Architecture I จาก Harvard University Graduate School of Design (GSD) เมื่อปีที่ผ่านมาค่ะ ตอนนี้กำลังทำงานอยู่บริษัทเล็กๆค่ะ ชื่อ Merge Architects เป็นบริษัทของอาจารย์ที่ GSD ค่ะ ทำงานได้มาปีครึ่งแล้ว กำลังจะกลับไทยปลายเดือนเมษายนนี้เเล้วค่ะ (2016)
Jom : เข้าใจว่าน้องเดียร์ มาเรียนต่อ ปริญญาโทที่อเมริกาหลังเรียนจบปริญญาตรีเลย ทำไมถึงอยากมาเรียนต่อเลยคะ?
Deer : ใช่ค่ะ มาเรียนต่อปริญญาโทเลยหลังจากจบจากจุฬาค่ะ ตอนแรกๆก็ค้นคว้าดูหลักสูตรที่เมกาไว้ค่ะ การที่เดียร์เรียนโปรแกรม4ปีที่ไทย เเล้วจะมาต่อโทที่เมกาต้องเรียนโปรแกรมโทที่เรียนนานถึง 3.5ปี ถึงแม้จะจบ4ปี เเล้วมีประสบการณ์ทำงานก็ตามมหาลัย topๆ ของเมกาก็ไม่ค่อยให้คนต่างชาติเข้าโปรแกรม Advanced Placement (AP) ซึ่งจะเรียนแค่ 2.5ปีค่ะ สำหรับเดียร์เเล้วโปรแกรม 1.5ปีก็ไม่มีสิทธิเข้าอยู่เเล้วเพราะว่าเข้าสงวนสิทธิสำหรับคนที่จบ professional degree หรือปริญญาตรีแบบ5ปีนั้นเองค่ะ
พอศึกษาค้นคว้าดูก็เลยคิดลองสมัครดูเลยคะ เพราะว่าคิดว่าเป็นโปรแกรมที่นานอยู่ หากเว้นไปแล้วไปทำงานกลัวกลับกลายเป็นไม่ได้มาเรียนต่อ หรือไม่ก็ได้เรียนโปรแกรมอื่นที่สั้นๆแทนที่จะได้เรียนโปรแกรมที่เราอยากเรียนค่ะ นอกจากนี้ก็ได้ปรึกษาอาจารย์ที่จุฬาคะ ทุกคนก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าถ้ามั่นใจในสายวิชาชีพนี้เเล้วก็ให้ลองสมัครดูเลยคะ ตัวเดียร์เองตอนนั้นก็คิดว่าลองสมัครดูละกัน ไม่คิดว่าจะได้ค่ะ
Jom : แล้วใช้เวลาเตรียมตัวสมัครยังไงบ้าง? เพราะว่ามาเลยแปลว่าต้องเตรียมตัวตั้งแต่ยังเรียนปริญญาตรีอยู่ที่ INDA ใช่ไหมคะ?
Deer : ใช่ค่ะ จำได้ว่าเตรียมตัวตั้งแต่อยู่ปีสามเทอมสองค่ะ คือเร็วมากๆ เพราะต้องยื่นสมัครตอนปีสี่เทอม 1 แล้วผลออกตอนปีสี่เทอมสอง
รู้สึกตอนนั้นมีสี่อย่างหลักๆๆที่ต้องยื่นสมัครค่ะ มี คะแนน GRE, personal statement, portfolio, letters of recommendation ค่ะ
การเตรียมตัว
สำหรับ GRE เเล้วเดียร์ก็ไปซื้อหนังสือมาอ่านเอง อ่านทุกวันหลังกลับจากเรียน เรียกว่าซื้อทุกเล่มที่มีขายเลยทีเดียว ทำข้อสอบเก่าๆเท่าที่จะหาได้อันละหลายๆๆรอบ ดูซิว่าเราพัฒนาไม สิ่งที่เดียร์ว่ายากที่สุดคือพวกคำศัพท์ค่ะ พวกคำศัพท์นี่ต้องใช้ความจำอย่างเดียวเลย เดียร์จะทำ study card ของคำศัพท์แต่ละอันติดไว้รอบบ้านค่ะ ห้องน้ำยังมี สำหรับเดียร์ว่ามันช่วยจำได้ดีขึ้นนะคะ
สำหรับ portfolio กับ personal statement ก็ได้คุยกับอาจารย์ที่ INDA ค่ะ พอดีมีอาจารย์สามท่านที่จบจาก GSD ก็เลยให้ท่านชี้แนะว่าควรจะเป็นประมานไหน ได้คำแนะนำมาดีมากค่ะ
สำหรับ portfolio นะคะ อาจารย์ก็ได้บอกไว้ว่า สมัยนี้ใครๆเค้าก็ render เป็น ทำ graphic สวยๆๆได้ เราไม่จำเป็นต้องใส่ทุกอย่างที่เรามีเกี่ยวกับโปรเจ็คนั้นๆลงไป แต่ให้คิดว่าเราจะโชว์ความโดดเด่นของเรายังไง หรือเรามีความคิดอะไร แบบโอเค โปรเจ็คนี้เราได้ทำ drawing สวยบ่งบอกถึง concept เราเป็นอย่างดีก็อาจจะโชว์แค่ drawing นั้นๆคะ อีกโปรเจ็คเราอาจจะทำ render สวยก็อาจจะโชว์อันนี้ แล้วอาจารย์ยังบอกอีกว่าให้ treat แต่ละอย่างนี้เหมือนเป็น artwork ราคาแพง ทั้งหมดเเล้วให้ portfolio บอก skill ของเราอย่างครบถ้วนคะ อันนี้จะไม่เหมือนกับ portfolio สมัครงานนะคะ
ส่วน personal statement อาจารย์ก็บอกว่าคนอ่านคงเบื่อที่จะได้อ่านการเขียนแนะนำตัวเองเเล้ว ให้เขียนเป็นเรื่องเล่าหรือ creative writing ที่จะสื่อเรื่องราวความเป็นเราให้มากที่สุด อาจจะนำเรื่องราวในชีวิตมาเล่าเเล้วผูกว่าทำไมเราจึงอยากมาเรียนต่อที่นี้ โดยอาจารย์ได้แนะนำอีกว่าให้ไปอ่าน dean’s statement ของคณะ/มหาลัยที่เราอยากสมัครเเล้วก็อาจจะใช้มันเป็นประเด็นหรือผูกมันเข้าไปกับเนื้อเรื่องก็ได้ค่ะ
สุดท้ายเเล้วสำหรับ letters of recommendation เดียร์ก็ได้ขอให้อาจารย์ที่รู้จักเดียร์ และความสามารถของเดียร์จริงๆเขียนให้ โชคดีที่สองท่านจบมาจาก GSD ด้วยคะ
Jom : ทำไมถึงเลือกที่จะมาเรียนที่ประเทศสหรัฐอเมริกา? แล้วทำไมเลือกที่ GSD?
Deer : เดียร์เลือกที่จะมาเรียนที่เมกาเพราะว่าเดียร์ลองค้นคว้าเเล้วพบว่าหลักสูตรที่เมกาคลุมคบทุกเรื่องคะ อาจจะเรียนนานกว่าหลักสูตรสถาปัตที่อังกฤษหรือที่อื่นๆคะ แต่เดียร์ว่าได้เรียนลึกและครบกว่าคะ มีทั้ง theory, history, practical, conceptual aspect ครบหมดค่ะ
เลือกเรียนที่ GSD ส่วนหนึ่งเพราะชื่อเสียงของโรงเรียนคะ และก็เพราะรายชื่ออาจารย์ที่สอนและศิษเก่าที่นี้คะ
Jom : รูปแบบการเรียนการสอน บรรยากาศของการเรียนที่นี่เป็นยังไง?
Deer : การสอนที่นี่จะแตกต่างจากที่ไทยพอสมควร เน้นให้คนอ่าน คิดและไม่กลัวที่จะออกความคิดเห็นค่ะ ทุกๆๆอาทิตย์ต้องอ่านหนังสือหรือ reading เยอะมากคะ อ่านเสร็จก็ต้องเขียน reading response ว่าเรามีความคิดเห็นอย่างไรกับสิ่งที่เราอ่านค่ะ
ตอนแรกยากมากๆคะ เพราะที่ไทยมีแต่อ่านเเล้วเขียนสรุป ไม่ค่อยต้องเอาความคิดเห็นของเราออกมาเป็นตัวหนังสือ
เดียร์คิดว่า exercise นี้เป็นการกระตุ้นให้เราได้คิดเยอะมากค่ะ แทนที่จะอ่านอะไรผ่านๆไป นอกเหนือจากนี้เเล้วยังมี discussion class ที่เราต้องไปนั่งคุยกันเกี่ยวกับความคิดเห็นของเรากับคนอื่นด้วยค่ะ ในคลาส studio อาจารย์ก็จะให้เราวิจารณ์งานของกันแหละกันด้วย เพื่อที่เราจะได้ analyze เป็นและอาจจะใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการแนะนำเพื่อนๆคะ
Jom : แล้วการแข่งขันสูงไหมในชั้นเรียน? ต่างกันกับสมัยเรียน ปริญญาตรีมากไหม?
Deer : เดียร์ว่าที่นี่…ทุกคนเก่งในรูปแบบของตนเองจนแต่ละคนไม่ได้มองว่าเป็นการแข่งขันเเล้ว คือแต่ละคนก็มีความคิดและเป้าหมายเป็นของตัวเองว่าเค้าต้องการอะไรค่ะ ส่วนมากเเล้วทุกคนจะมีน้ำใจแลกเปลี่ยนความรู้กันมากกว่า อาจจะเป็นเพราะการเรียนที่นี้แตกต่างจะปริญญาตรีตรงไม่มีเกรดเป็นแค่ distinction, high pass, pass, low pass, fail ค่ะ ซึ่งคนส่วนมากก็ได้ pass ค่ะ แต่ทุกคนที่นี้ก็ตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ให้ถึงที่สุดค่ะ
ปริญญาตรีอาจจะการแข่งขันสูงตรงที่เกรดค่อนข้างมีผลต่ออนาคตค่ะ
Jom : ความท้าทายในการเรียนที่นี่มีอะไรบ้าง และผ่านมันมาได้ยังไงคะ?
Deer : หลักๆเลยคือเรื่องจำนวนงานบวกกับความยากของงานค่ะ คืองานเยอะมากคะ คิดว่าตอนอยู่จุฬานี่เยอะเเล้วนะคะคณะนี้ มาที่นี้งงค่ะ เเล้วโจทย์งานก็ยากขึ้นทวีคูณ
อย่างสตูที่ปีหนึ่งกับสองเรียนจันทร พุธ ศุกร์ค่ะ บวกกับมีงานที่เราไม่ถนัดเช่นต้องอ่านหนังสือที่ยากมากๆๆ เป็น theory/philosophyและเขียน essay อาทิตย์ละสองสามอันอย่างที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น ช่วงแรกๆก็ท้อคะ แต่ก็คุยกับเพื่อนๆๆ เพื่อนๆก็คิดว่ายากเหมือนกัน คือทุกคนก็ประสบปัญหาเดียวกัน ไม่ใช่เราคนเดียวค่ะ ก็รู้สึกดีขึ้น แล้วก็สู้ต่อคะ แล้วคุณพ่อคุณแม่ก็คอยเป็นกำลังใจให้คะ ก็เลยผ่านมันมาได้ค่ะ
Jom : พอมาเรียนที่นี่แล้ว ทำให้เปิดโอกาสในการทำงานที่นี่ได้ง่ายขึ้นไหม?
Deer : ทำให้มีโอกาสทำงานที่นี่ได้ง่ายขึ้นค่ะ เพราะถ้าเราได้ปริญญาตรีจากมหาลัยที่เมกาเราก็สามารถสมัคร optional practical training หรือ OPT ซึ่งจะให้เราทำงานที่เมกาได้ 1 ปีค่ะ ปกติเเล้วถ้าคนไทยคิดจะมาทำงานที่เมกาเเล้วจะทำ visa ทำงานที่นี้ยากมากคะ
นอกจากนี้เเล้วที่GSD ก็ยังมี career services ที่ค่อยให้คำแนะนำเราเรื่องสมัครงาน หรือบางทีอาจมีบริษัทมาสำภาษณ์งานที่โรงเรียนเค้าก็จะเชิญนักเรียนไปร่วมค่ะ
Jom: ตอนที่ฝึกงานอยู่ที่นี่ (Merge Architects) ได้งานนี้ได้ยังไงเอ่ย?
Deer : พอดีบริษัทที่ทำอยู่เป็นของอาจารย์ที่ GSD ค่ะ คือเดียร์ไม่เคยเรียนกับเค้าแต่เค้าก็เคยมานั่งฟังเดียร์พรีเซ้นคะ ตอนเดียร์จบอาจารย์อีกคนกับเพื่อนเดียร์ก็บอกว่าอาจารย์คนนี้กำลังหาผนักงานเพิ่มค่ะ เเล้วเค้าก็แนะนำเดียร์ เค้าก็เลยเรียกเข้าไปคุยค่ะ
Jom: แต่ก็กำลังจะกลับไทยแล้ว มองว่าหลังจากนี้ อยากจะทำอะไรต่อคะ? ตั้งเป้าไว้ว่ายังไง เล่าให้ฟังหน่อย:)
Deer : ค่ะ จริงๆเดียร์ก็ยังอยากทำงานที่เมืองนอกอยู่คะ แต่จะเปลี่ยนมาอยู่ใกล้ๆบ้านแทนเพราะเมกานี่ไกลมากคะ ก็ดูๆๆ singapore กับ hongkong ไว้ คงทำปีสองปีเเล้วกลับมาทำที่ไทย ในที่สุดเเล้วก็อยากเปิดบริษัทของตัวเองนะคะ ช่วงนี้ทำงานเเล้วก็ว่างกว่าตอนเรียนก็พยายามทำประกวดแบบไปด้วย เพิ่งส่งไปสองอัน กำลังลุ้นๆอยู่ค่ะ
Jom: มีอะไรจะฝากถึงน้องๆ หรือ เพื่อนๆที่กำลังเลือกว่าจะเรียนต่อ หรือ ทำงานต่อไหมว่า ควรจะเตรียมตัวยังไง และควรจะเรียน หรือ ทำงานก่อนดี?
Deer : จริงๆเเล้วมีประสบการณ์ทำงานก่อนเรียนก็ดีค่ะ ถึงเดียร์จะเรียนต่อเลยแต่เดียร์ก็เคยที่จะฝึกงานมาพอสมควร ทั้งนี้เพื่อให้เรามั่นใจว่าเราชอบมันจริง เรียนไปจะได้ไม่เสียเวลา ถ้าเรารู้ว่าเรารักอะไร ชอบอะไรก็เรียนต่อเลยไม่มีปัญหาคะ การทำงานมาก่อนอาจจะปูพื้นฐานในแง้การสร้างนิสัยให้เรามีกิจวัตรในการทำและแบ่งเวลาทำโปรเจคที่ได้ตอนเรียนได้ดีขึ้น อาจจะมีอะไรมาแลกเปลี่ยนกับเพื่อนมากขึ้น แต่ถ้าเราไม่มีเราก็ได้รับเหมือนกันในฐานะคนฟังค่ะ
สำหรับคนที่จะเรียนต่อ ก็หมั่นขยันอ่านสอบค่ะ และอย่าลืมให้คนรอบข้างช่วยชี้แนะ หรืออย่ากลัวที่จะขอความคิดเห็นเกี่ยวกับ portfolio และ personal statement ของเราจากเพื่อนๆและอาจารย์นะคะ เพราะคำแนะนำพวกนี่มีประโยชน์มากจริงๆคะ เป็นสิ่งที่เดียร์คิดว่าทำให้เดียร์เข้าได้ค่ะ สู้ๆๆนะคะ
Jom : สิ่งหนึ่งที่จอมเห็นตลอดเลย คือ เดียร์มีความสุขกับงาน และชีวิตมาก เป็นคนที่มองโลกในแง่ดี ทัศนคติทางบวก และมีไฟในการสร้างสรรค์เยอะ สุดท้าย เลยอยาก..
ขอรบกวนเดียร์ ช่วยส่งต่อพลัง Positive Attitude ของน้องเดียร์ให้เพื่อนๆกันหน่อย ขอ 3 คำ !
Deer : MAKE IT FUN
เพราะถ้าเราสนุกกับอะไร เราจะมีความสุขกับมัน เเล้วจะทำมันออกมาได้ดีค้า
Jom : วันนี้ขอบคุณน้องเดียร์ สถาปนิกสาวคนเก่ง ที่กล้าเดินตามฝันที่ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม และกำลังใจดีดีเสมอ ขอบคุณเดียร์มาก ที่มาแบ่งปันประสบการณ์ ข้อคิดดีดี และ แรงบันดาลใจดีดี ให้กับเพื่อนๆชาว Dream Action ค่ะ
ใครที่สนใจดูโรงเรียนของน้องเดียร์ ก็เข้าไปดูได้ที่นี่นะคะ
- INDA :International Program in Design and Architecture, Chulalongkorn University
- GSD : Harvard University Graduate School of Design
รู้-หรือ-ไม่?
GSD, โรงเรียนสถาปัตย์นี้ ก็เคยมีสถาปนิกไทยหลายรุ่น หลายคนที่เข้าไปเรียนจบจากที่นี่ ไม่ใช่น้อยเลยทีเดียวค่ะ วันนี้จอมโชคดีมาก ที่ได้มีโอกาส พูดคุยกับ เดียร์ กับหนึ่งสถาปนิกไทยนั้น หากใครสนใจ ก็ลองศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมนะคะ